นิทานสอนใจ :ใบชากับน้ำร้อน
ผมมักจะได้ยินเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ทำงาน แม้กระทั่งรุ่นน้องที่รู้จักกันมา บ่นให้ฟังเสมอว่า ชีวิตมันเครียด มันกดดัน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ขึ้นๆ ลงๆ บางคนก็บ่นว่าชีวิตไม่มีความสุขเลย ลองอ่านนิทานเรื่องนี้ดูนะครับ เผื่อว่าจะได้ข้อคิดดีๆ จากเรื่องราวในนิทานได้บ้างครับ เช่นเคยครับผมนำมาจากเว็บไซต์ของ anontawong.com ครับ มีชายหนุ่มที่พบกับความผิดหวังคนหนึ่งมาที่วัด พบกับพระอาจารย์แล้วเล่าระบายทุกข์ให้ฟังว่า “เฉกเช่นคนอย่างข้าพเจ้าซึ่งผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า มีชีวิตก็เพียงแค่อยู่ไปวันๆ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย” พระอาจารย์นั่งนิ่งอย่างสงบและสำรวม ฟังชายหนุ่มคนนั้นรำพึงรำพันและทอดถอนใจ ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่สั่งพระที่เป็นอุปัฏฐากว่า “ประสกท่านนี้เดินทางมาแต่ไกล ไปหาน้ำอุ่นมาสักกาซิ” เมื่อพระนั้นยกกาน้ำอุ่นมาให้...
นิทานสอนใจ : ขอทานขนอิฐ
งานทุกอย่างล้วนมีคุณค่าของมัน คนที่ทำงานก็คือคนที่มีคุณค่า ไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานอะไรก็ตาม วันนี้มีนิทานดีๆ มาฝากอีกเช่นเคยนะครับ มาจากเว็บไซต์ของคุณ anontawong.com ครับ มีขอทานพิการเหลือแขนเพียงข้างเดียวผู้หนึ่ง เดินทางเข้าไปยังวัดเซนที่พระเซนนามฟังจั้งพำนักอยู่ เพื่อขอรับทาน ทว่าเมื่อเอ่ยปาก พระฟังจั้งกลับชี้มือไปยังกองอิฐและบอกกับขอทานแขนเดียวว่า “ท่านช่วยย้ายอิฐกองนั้นไปยังหลังวัดก่อนเถอะ” ขอทานแขนเดียวได้ยินครั้งแรกก็ไม่พอใจ กล่าวว่า “ข้าเหลือแขนเพียงข้างเดียวจะย้ายอิฐได้อย่างไร ข้ามาขอทาน หากท่านไม่อยากให้ทานก็ไม่เป็นไร ไฉนต้องล้อเลียนผู้อื่นถึงเพียงนี้” พระเซนไม่เอ่ยโต้ตอบ เพียงแต่เดินไปยกก้อนอิฐโดยใช้แขนเพียงข้างเดียว จากนั้นค่อยกล่าวเรียบๆ ว่า”งานประเภทนี้ แม้มีแขนข้างเดียวก็สามารถทำได้” เมื่อเห็นดังนั้น ขอทานจึงได้แต่ทำตาม โดยค่อยๆ...
นิทานสอนใจ : กระต่ายกับเต่า (เวอร์ชั่นทันสมัย)
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว กระต่ายผู้มั่นใจในความเร็วของตัวเองมีปากมีเสียงกับเต่า เต่าจึงท้ากระต่ายวิ่งแข่ง กระต่ายนั้นมั่นใจว่าเต่าไม่มีทางเอาชนะตนได้เป็นแน่จึงรับคำท้า ถึงวันแข่งขัน บรรดาสิงสาราสัตว์ต่างมาร่วมรับชมและให้กำลังใจ เมื่อปืนออกสตาร์ทถูกลั่นไก เจ้ากระต่ายก็ออกวิ่งสุดกำลัง ทิ้งเจ้าเต่าอย่างไม่เห็นฝุ่น อีกไม่กี่ร้อยเมตรจะถึงเส้นชัย กระต่ายเห็นต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่นชวนนั่งพักจิบน้ำชายิ่งนัก หันไปข้างหลังก็เห็นว่าเต่ายังอยู่ห่างอีกเป็นกิโล กระต่ายจึงตัดสินใจนั่งลงตรงโคนไม้และผลอยหลับไป เสียงอื้ออึงลอยมาแต่ไกลทำให้กระต่ายสะดุ้งตื่น มองไปตรงที่มาของเสียงจึงเห็นว่าเจ้าเต่ากำลังคลานเข้าเส้นชัยท่ามกลางเสียงกู่ร้องของบรรดากองเชียร์ กระต่ายออกวิ่งสุดกำลัง แต่ก็อย่างที่เรารู้กัน คือเต่าเข้าเส้นชัยก่อนกระต่ายไปเพียงนิดเดียว นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แม้จะวิ่งช้าแต่มั่นคง ก็ย่อมชนะการแข่งขันได้ และต่อให้วิ่งเร็วแต่ชะล่าใจก็อาจกลายเป็นผู้แพ้ได้ แต่นิทานยังไม่จบแค่นี้ กระต่ายถึงกลับบ้านด้วยความขมขื่น แต่พอมีเวลาทบทวนก็คิดได้ว่า ถ้ามันไม่พักหลับที่โคนต้นไม้ มันไม่มีทางแพ้แน่ วันรุ่งขึ้นมันจึงไปท้าเต่าแข่งอีกครั้ง และเต่าก็รับคำท้านั้น ถึงวันแข่งขัน บรรดาสิงสาราสัตว์ต่างมาร่วมรับชมและให้กำลังใจ เมื่อปืนออกสตาร์ทถูกลั่นไก เจ้ากระต่ายก็ออกวิ่งสุดกำลัง...
นิทานสอนใจ : การเดินทางของสายน้ำ
มีธารน้ำเล็กๆสายหนึ่งไหลมาจากยอดเขาที่ห่างไกลออกไป ผ่านป่าเขาหมู่บ้านและผ่านในเมืองมาหลายแห่ง สุดท้ายมาถึงทะเลทรายแห่งหนึ่งสายน้ำคิดในใจว่า “เราก็ผ่านอุปสรรคและสิ่งกีดขวางต่างๆนานามานับไม่ถ้วน ครั้งนี้คงจะผ่านทะเลทรายแห่งนี้ไปได้ด้วยดี” ขณะเมื่อสายน้ำมุ่งมั่นจะผ่านทะเลทรายอยู่นั้น ก็รู้สึกว่าน้ำของตัวเองค่อยๆ ซึมหายไปในทรายเหล่านั้น ยิ่งไหลผ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งรู้สึกว่าน้ำก็ยิ่งหายไปเรื่อยๆ จนรู้สึกท้อแท้ “คิดในใจว่า นี่คงจะเป็นชะตาชีวิตของตนเองแล้ว และคงจะไม่มีทางที่จะได้ไหลไปสู่ทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลตามคำที่เขาเล่าลือ เมื่อสายน้ำรำพึงรำพันด้วยความเสียใจอยู่นั้น ก็มีเสียงแว่วแผ่วกระซิบมาว่า “ถ้าหากสายลมสามารถพัดผ่านทะเลทรายได้ สายน้ำก็จะไหลผ่านไปได้เหมือนกัน” ที่แท้เสียงที่เหมือนกับกระซิบมานั้นเป็นเสียงของทะเลทรายเอง สายน้ำตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจว่า “นั่นเป็นเพราะลมสามารถบินข้ามทะเลทรายไปได้ แต่ข้าทำไม่ได้” “เป็นเพราะเจ้ายืนกรานที่จะเป็นสภาพเดิม ลมจึงไม่สามารถพัดพาเจ้าข้ามไปได้ เพียงแต่เจ้ายอมปล่อยวางสภาพที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ ให้ตัวเองกลายเป็นไอน้ำแล้วหลอมรวมไปกับสายลม” ทะเลทรายกล่าวต่อด้วยเสียงอันแผ่วเบา สายน้ำไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย คิดในใจว่า “ปล่อยวางสภาพที่เป็นอยู่ขณะนี้ แล้วสลายรวมไปในสายลม? ไม่! ไม่! “ สายน้ำไม่ยอมรับคำเสนอแนะที่ให้เป็นลักษณะนั้น...
เผยเทคนิคมายากลระดับโลก ที่หลอกสายตาผู้คนมาแล้วมากมาย
หลายคนคงเคยดูมายากลและอาจสงสัยว่าพวกเขาทำได้อย่างไร…? และบางครั้งมันน่าอัศจรรย์จนคุณเกิดความคิดว่า บางครั้งเวทมนย์อาจมีอยู่จริงก็ได้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าคุณกำลังถูกหลอกอยู่ นี่คือ 6 เทคนิคลับที่นักมายากลใช้หลอกตาผู้ชมและหลายคนคาดไม่ถึงมาก่อน 1. กลใช้เลื่อยหั่น เพื่อแยกตัว โดยให้คนไปนอนในกล่องยาวจากนั้นนักมายากลจะใช้เลื่อยหั่นกล่องออกเป็นสองท่อน แต่แทนที่คนจะตายกลับกลายเป็นว่าแยกออกเป็นสองท่อมได้โดยไม่มีเลือดสักหยด แต่แท้ที่จริงแล้วกล่องนี้แบ่งเป็นกล่องเล็ก 2 กล่อง และแต่ละกล่องนั้นมีผู้หญิงซ่อนอยู่ภายใน โดยคนแรกซ่อนตัวแต่ยื่นหัวออกมาให้เห็น และอีกกล่องซ่อนตัวแต่ยื่นหาออกมาให้ดูภายนอกแล้วเหมือนว่าเป็นคนคนเดียวกันนั่นเอง 2. กลตัดธนบัตร หลายคนอาจเคยสงสัยว่า David Copperfield ใช้ดินสอเจาะผ่านธนบัตรดอลลาร์ที่ถูกพับครึ่งต่อหน้าผู้คนได้อย่างไร เพราะหลังจากที่เขาเจาะแล้วแทนที่มันจะกลายเป็นรู มันกลายไม่มีรูและเป็นธนบัตรปกติที่ไม่ได้มีอะไรเสียหายเลยด้วยซ้ำ แท้จริงแล้วมันเป็นกลที่ไม่ได้ยากอะไรเลย เทคนิคอยู่ที่ดินสอเพราะแท้จริงแล้วนั้นดินสอมันถูกแบ่งเป็นสองท่อนทั้งยังมีแม่เหล็กอยู่อีกด้วย ดังนั้นดินสอจึงติดกันได้เหมือนใช้ดินสอเจาะผ่านธนบัตรแต่ที่จริงมันไม่ได้เจาะผ่านเลย 3. กลนั่งลอยตัว เป็นกลที่นิยมกันมากของนักมายากลตามท้องถนน...
ช่างภาพพบว่าโลกแบนหลังถ่ายภาพทะเลสาบ งานพิสูจน์จึงเริ่มต้นขึ้น
เรื่องราวการถกเถียงว่าโลกกลมหรือแบนนั้นยังคงเป็นข้อถกเถียงกันอยู่สำหรับคนบางกลุ่มที่เชื่อว่าโลกแบน และพวกเขาเชื่อว่าทุกอย่างที่เราเห็นกันเป็นคำหลอกลวงจากนาซ่าทั้งหมด ใครที่หัวอ่อนก็มักจะเชื่อทฤษฎีที่ชาวโลกแบนโน้มน้าวกันแบบข้างๆ คูๆ ดูไม่เป็นตามหลักวิทยาศาสตร์สักเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณไปเจอเหตุผลบางอย่างที่โน้มเอียงไปทางโ่ลกแบนจริงๆ ล่ะ คุณจะลองพิสูจน์มันด้วยตัวคุณเองแบบชายคนนี้หรือเปล่า นี่คือเรื่องราวของ เกร็ก ช่างภาพชาวอเมริกันที่มีโอกาสไปถ่ายภาพในบริเวณทะเลสาบมิชิแกน ที่อยู่ห่างจากบ้านเขาไปประมาณ 2-3 ไมล์ ในเมือง Manitovoc รัฐวิสคอนซิน จากมุมขวาที่เห็นอยู่ไกลๆ คุณจะเห็นชายหาดที่สวนสาธารณะซิลเวอร์ ครีก ส่วนฝั่งซ้าย คุณจะเห็นฝั่งใต้ของฝั่งทะเล Two Rivers ในวิสคอนซิน ที่ๆ เขาโตขึ้นมา คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมมันเรียกว่า...
วันนึง.. คุณจะเข้าใจเองว่า “การอยู่คนเดียว” มีความสุขที่สุดแล้ว
เราอาศัยอยู่ในโลกที่ต้องติดต่อสื่อสารกันตลอดเวลา จนหลงลืมความสำคัญของการอยู่คนเดียวไปแล้ว ออฟฟิศต่างๆ เริ่มไม่มีการกั้นโต๊ะทำงานให้พนักงาน ให้แชร์พื้นที่และโต๊ะทำงานร่วมกัน เด็กนักเรียนก็ต้องทำงานกันเป็นกลุ่ม เสียงแจ้งเตือนอย่างไม่หยุดหย่อนจากแอปพลิเคชั่นสนทนาต่างๆ อย่างเฟสบุ้ค ไลน์ และทวิตเตอร์ก็ยังกลายเป็นเสียงที่ได้ยินจนชิน ความสัมพันธ์ในสังคมรูปแบบต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เราได้ใช้เวลากับตัวเองน้อยลง แม้ผู้คนจะบอกเสมอว่าการเข้าสังคมนั้นเป็นเรื่องที่ดี และการใช้เวลาอยู่ร่วมกับผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญในการเติมเต็มชีวิต แต่ถ้ามากเกินไปก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก “ความโชคร้ายของมนุษย์ถือกำเนิดขึ้นจากการไม่ชอบที่จะอยู่โดยลำพัง” – ฌอง เดอ ลา บรูแยร์ (Jean de la Bruyere) งานวิจัยหนึ่งที่ทำการศึกษานักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์จำนวน 600...
เชื่อหรือไม่…เราเข้าใจผิดว่าสิ่งเหล่านี้มีจุดกำเนิดมาจากประเทศไทย
ในเมืองไทยมีของหลายอย่าง ที่บางครั้งเราก็มีความคุ้นเคยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จนเราคิดกันว่าของสิ่งนั้นมันเกิดคู่มากับประเทศไทยของเรา แต่ของบางอย่าง พอเราไปสืบค้นประวัติมาแล้วกลับได้คำตอบว่า มันไม่ได้ถือกำเนิดที่เมืองไทยของเราเลย มีอะไรบ้างไปลองดูกัน #1 ปลานิล หลายคนคงเชื่อว่าปลานิลน่าจะเป็นสายพันธ์ปลาที่ถูกเพาะพันธ์มาจากประเทศไทย แต่จริงๆแล้ว สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ เป็นผู้ส่งปลาสายพันธ์นี้มาทูลถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเป็นสายพันธ์จากแอฟริกา แถบม้ำไนท์ #2 ปลาซัคเกอร์ เจ้านักดูดทุกสิ่งอย่างในน้ำ พอพูดถึงปลาทุกคนต่างต้องร้อง อ้อ!! เจ้าซัคเกอร์นี้เอง เจ้านี้เดินทางมาไกลจากอเมริกา #3 หอยเชอรี่ เจ้าหอยเชอรี่ถือว่าเป็นศัตรูของชาวนาก็ว่าได้ ถ้ามันได้ลงนาไหนนะเตรียมตัวได้เลยมันแพร่พันธ์เร็วมาก หอยเชอรี่ เดิมเป็นหอยน้ำจืดที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำทวีปอเมริกาใต้ ในประเทศไทยนำเข้ามาครั้งแรกจากประเทศญี่ปุ่นและไต้หวัน #4...
“10 วิธีใช้หนี้พ่อแม่” ทำแล้วชีวิตเจริญโดย “หลวงพ่อจรัญ”
10 วิธีที่พึงปฏิบัติ พ่อแม่คือผู้ให้ชีวิตกับเราแต่เล็กจนโตท่านต้องคอยพร่ำสอนให้ทำความดี ส่งเสียให้เรียนหนังสือ เลี้ยงดูแลเอาใจใส่เราในทุก ๆ เรื่อง เมื่อเราโตขึ้นหน้าที่ของลูกทุกคนก็คือ กตัญญูกตเวที คอยดูแลเลี้ยงดูท่านเมื่อยามแก่เฒ่า ทำให้ท่านมีความสุขเพราะ “พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก” พระพุทธศาสนาสอนให้เราเป็นคนกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา แล้วชีวิตก็จะมีแต่เรื่องดี ๆ จึงขอนำเรื่องราวสาระธรรมดี ๆ ที่ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม ได้เขียนไว้สอนใจ ฝากถึงลูก ๆ ทุกคน...
เหตุผลที่ พนักงานเก่งๆ หมดไฟ และเดินออกไปจากองค์กร
“หมดไฟ” คือสาเหตุหลักที่ทำให้พนักงานเก่งๆ ลาออกจากบริษัทของคุณอย่างไม่มีวันกู่กลับ การหาผู้สมัครที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมงานนั้นยากแล้ว แต่การรักษาไว้กลับยากยิ่งกว่า หากคุณปล่อยปละละเลย ไม่สนใจที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ปล่อยให้พนักงานคนเก่งของคุณต้องหมดไฟในการทำงาน กว่าจะรู้ตัวอีกที พวกเขาก็อาจเดินมาหาคุณพร้อมใบลาออกในมือ ทำไม “พนักงานคนเก่งถึงหมดไฟ” #งานที่ทำอยู่ไม่มีความก้าวหน้า ส่วนใหญ่แล้วคนที่มีศักยภาพ มักจะเป็นคนที่พร้อมจะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และไม่ยอมเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ทำให้ตัวเองก้าวหน้า ดังนั้น หากพวกเขาพบว่า องค์กรที่ทำอยู่ไม่ผลักดันพนักงานเลย พวกเขาก็หมดไฟ และจากไปในที่สุด #ทำงานซ้ำซาก ไม่มีคนเก่งคนไหน ชอบทำงานในเรื่องเดิมซ้ำๆ พนักงานที่เก่ง มักจะไม่กลัวการทำงานที่ท้าทาย ตราบใดที่มันทำให้พวกเขาพัฒนา แต่พวกเขากลัวการทำงานเดิมๆ ที่ไม่ช่วยให้เกิดผลลัพธ์อะไรที่ดีขึ้นมากกว่า...






















