นิทานสอนใจ : กระต่ายกับเต่า (เวอร์ชั่นทันสมัย)

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว กระต่ายผู้มั่นใจในความเร็วของตัวเองมีปากมีเสียงกับเต่า เต่าจึงท้ากระต่ายวิ่งแข่ง กระต่ายนั้นมั่นใจว่าเต่าไม่มีทางเอาชนะตนได้เป็นแน่จึงรับคำท้า

ถึงวันแข่งขัน บรรดาสิงสาราสัตว์ต่างมาร่วมรับชมและให้กำลังใจ เมื่อปืนออกสตาร์ทถูกลั่นไก เจ้ากระต่ายก็ออกวิ่งสุดกำลัง ทิ้งเจ้าเต่าอย่างไม่เห็นฝุ่น

อีกไม่กี่ร้อยเมตรจะถึงเส้นชัย กระต่ายเห็นต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่นชวนนั่งพักจิบน้ำชายิ่งนัก หันไปข้างหลังก็เห็นว่าเต่ายังอยู่ห่างอีกเป็นกิโล กระต่ายจึงตัดสินใจนั่งลงตรงโคนไม้และผลอยหลับไป

เสียงอื้ออึงลอยมาแต่ไกลทำให้กระต่ายสะดุ้งตื่น มองไปตรงที่มาของเสียงจึงเห็นว่าเจ้าเต่ากำลังคลานเข้าเส้นชัยท่ามกลางเสียงกู่ร้องของบรรดากองเชียร์

กระต่ายออกวิ่งสุดกำลัง แต่ก็อย่างที่เรารู้กัน คือเต่าเข้าเส้นชัยก่อนกระต่ายไปเพียงนิดเดียว

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แม้จะวิ่งช้าแต่มั่นคง ก็ย่อมชนะการแข่งขันได้ และต่อให้วิ่งเร็วแต่ชะล่าใจก็อาจกลายเป็นผู้แพ้ได้

แต่นิทานยังไม่จบแค่นี้

กระต่ายถึงกลับบ้านด้วยความขมขื่น แต่พอมีเวลาทบทวนก็คิดได้ว่า ถ้ามันไม่พักหลับที่โคนต้นไม้ มันไม่มีทางแพ้แน่

วันรุ่งขึ้นมันจึงไปท้าเต่าแข่งอีกครั้ง และเต่าก็รับคำท้านั้น

ถึงวันแข่งขัน บรรดาสิงสาราสัตว์ต่างมาร่วมรับชมและให้กำลังใจ เมื่อปืนออกสตาร์ทถูกลั่นไก เจ้ากระต่ายก็ออกวิ่งสุดกำลัง ทิ้งเจ้าเต่าอย่างไม่เห็นฝุ่น

คราวนี้กระต่ายวิ่งไม่ยอมหยุด ม้วนเดียวจบจนถึงเส้นชัย ชนะเจ้าเต่าขาดลอย

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถึงวิ่งช้าและมั่นคงจะเป็นเรื่องดี แต่ก็สู้วิ่งเร็วและมั่นคงไม่ได้หรอกนะจะบอกให้

แต่นิทานยังไม่จบอีกนั่นแหละ

เต่ากลับถึงบ้านด้วยความขมขื่น แต่พอมีเวลาทบทวนก็คิดได้ว่า ถ้าแข่งแบบเดิม คงมีแต่แพ้กับแพ้ แล้วเต่าก็ไอเดียบรรเจิด…

วันรุ่งขึ้น เต่ากลับไปท้ากระต่าย โดยเสนอให้แข่งอีกเส้นทางหนึ่งแทน

แน่นอนกระต่ายผู้ได้รับความมั่นใจกลับคืนมาย่อมรับคำท้า

ถึงวันแข่งขัน บรรดาสิงสาราสัตว์ต่างมาร่วมรับชมและให้กำลังใจ เมื่อปืนออกสตาร์ทถูกลั่นไก เจ้ากระต่ายก็ออกวิ่งสุดกำลัง ทิ้งเจ้าเต่าอย่างไม่เห็นฝุ่น

อีกไม่กี่ร้อยเมตรจะถึงเส้นชัย กระต่ายก็เจอแม่น้ำสายใหญ่พาดผ่าน กระต่ายว่ายน้ำไม่เป็นจึงนั่งลงและครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะข้ามแม่น้ำนี้ไปได้

สักพัก เจ้าเต่าก็คลานต้วมเตียมมาจนทัน กระโดดลงน้ำ ว่ายน้ำข้ามฝั่ง และเดินเข้าเส้นชัยอย่างชิวๆ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จงถามตัวเองก่อนว่าเราถนัดด้านไหนบ้าง จากนั้นจึงเลือกสนามแข่งที่เหมาะกับความสามารถและจริตของเรา

แต่นิทานก็ยังไม่จบ (อดทนอีกนิดนะครับ ใกล้ละ)

หลังจากแข่งกันมาถึงสามครั้ง บัดนี้เต่ากับกระต่ายได้กลายเป็นเพื่อนซี้กันแล้ว ทั้งสองจึงมานั่งคุยกันและคิดได้ว่า มันน่าจะมีวิธีที่วิ่งได้เร็วกว่านี้อีกนี่หน่า

เต่ากับกระต่ายจึงนัดวิ่งกันอีกครั้ง

ถึงวันแข่งขัน บรรดาสิงสาราสัตว์ต่างมาร่วมรับชมและให้กำลังใจ (เช่นเคย)

เมื่อปืนออกสตาร์ทถูกลั่นไก เจ้ากระต่ายแบกเต่าขึ้นหลังและวิ่งสุดฝีเท้า

พอไปถึงแม่น้ำ เต่าก็ให้กระต่ายขี่กระดองข้ามน้ำไปด้วยกัน

พอขึ้นฝั่งกระต่ายก็แบกเต่าวิ่งเข้าเส้นชัย

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แม้ว่าแต่ละคนจะเก่งกาจเพียงใด แต่การทำงานเป็นทีมเวิร์คย่อมให้ผลดีกว่า เพราะถึงอย่างไรเราก็ต้องเจอสถานการณ์ที่เราถนัดและเพื่อนไม่ถนัด และบางวันเราก็จะเจอสถานการณ์ที่เราไม่ถนัดแต่เพื่อนเราถนัด

อีกบทเรียนหนึ่งที่กระต่ายกับเต่าได้เรียนรู้ก็คือ แทนที่เราจะแข่งขันกันเอง สู้จับมือกันแข่งขันกับปัญหาดีกว่า

ขอบคุณที่มา prakal.wordpress.com
ติดตามเรื่องราวดีๆ ได้ที่ : เบาสมอง
ติดตามเพจ เบาสมอง