ภาพโฆษณา ” อย่าให้โทรศัพท์มาปิดกั้นความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว “

ในปัจจุบันที่ดูเหมือนว่าโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนจะเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญในชีวิตของใครหลายคนๆ เพราะด้วยการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ทันสมัยมากขึ้น และทุกอย่างต้องรวดเร็วจึงทำให้โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนเป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งในการใช้ชีวิต แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเลือกเอาสามาร์ทโฟนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทุกเรื่อง คุณเคยสังเกตเห็นไหมว่าบางคนติดโทรศัพท์มือถือมาก จนขนาดไม่มีเวลาที่จะใส่ใจคนรอบข้างเลย

ทำให้ศูนย์วิจัยทางจิตวิทยาร่วมมือกับโอกิลวี่ สร้างแคมเปญโฆษณาหนึ่งขึ้นมาเพื่อช่วยกระตุ้นการตระหนักรู้ถึงภัยที่ซ่อนเอาไว้จากพฤติกรรมติดมือถือของใครหลายๆ คน

ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2558 ได้เคยมีการปล่อยโฆษณาชุดหนึ่งเพื่อแสดงให้สมาชิกในครอบเห็นว่าการเล่นโทรศัพท์อย่างต่อเนื่องมันเป็นกำแพงกั้นปฏิสัมพันธ์ภายในครอบครัว

โฆษณาชุดนี้ได้สร้างพลังทางโซเชียลที่สะท้อนให้สังคมต้องย้อนกลับมาคิดถึงผลที่มันกำลังเกิดขึ้นโดยมีคำเด็ดๆ ถูกเขียนเอาไว้ว่า ” ยิ่งคุณเชื่อมต่อมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเชื่อมโยงน้อยลงเท่านั้น “ มันจึงกลายเป็นไวรัลที่ผู้คนต่างผู้ถึงกันเยอะ เพราะมันเป็นเล่นคำที่ลึกซึ้งอย่างมาก

ดร. ดานินได้อธิบายเพิ่มเติมกับปัญหาการเล่นโทรศัพท์เป็นเวลานานว่า ” เมื่อก่อนเราอาจจะคิดว่าการเล่นโทรศัพท์นานจะสร้างปัญหาอะไรได้เยอะขนาดนั้น แต่ตอนนี้การที่ปัญหาเหล่านั้นมันเริ่มจะใหญ่ขึ้น เพราะมันลามไปถึงเรื่องของอารมณ์ สุขภาพของการนอน รวมทั้งปัญหาภายในครอบครัวอีกด้วย ”  

ผู้ใช้สมาร์ทโฟนโดยเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงต่อวันอยู่กับสมาร์ทโฟน จากที่เราตื่นขึ้นมา 16 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสามของเวลาตลอดทั้งวัน

ย้อนกลับไปที่โฆษณาที่เราได้พูดถึงก่อนหน้านั้น โดยที่โฆษณาจะถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนที่ต้องการสะท้อนให้เห็นคือการสะท้อนภาพของคู่สามี-ภรรยา , พ่อ-ลูก , แม่-ลูก โดยมีสามาร์ทโฟนขนาดยักษ์เป็นกำแพงกั้น หรือที่เรียกว่า ” Phone Wall ” 

หากคุณได้เห็นโฆษณาตัวนี้แล้วคุณคิดว่าควรจะเล่นโทรศัพท์ให้น้อยลง และหันไปสนใจคนรอบข้างมากขึ้นแสดงว่าโฆษณาตัวนี้สามารถสื่อได้ทุกคุณแล้ว

ขอบคุณที่มา boredpanda | เรียบเรียงโดย เบาสมอง