แฟชั่นความงามในอดีต ที่อาจจะดูแปลกประหลาดสำหรับคนในยุคนี้

หากเราย้อนกลับไปดู จะพบว่าแฟชั่นในแต่ละช่วงเวลามันแตกต่างกัน จากสิ่งที่เคยเป็นที่นิยมอย่างสูงสุดก็สามารถถูกลืมไปได้เมื่อเวลามันผ่านไป แฟชั่นบางอย่างก็ถูกมองว่ามันเป็นที่น่าแปลกหรือเป็นเรื่องที่ตลกสำหรับคนในยุคปัจจุบัน แต่คุณเคยรู้หรือไม่ว่าแฟชั่นเหล่านั้นมันมีเรื่องราวที่น่าสนใจซ่อนอยู่ และมันอาจจะทำให้คุณรู้สึกทึ่งเมื่อได้รับรู้ข้อมูลเหล่านั้นก็ได้ อย่างเช่น แฟชั่นที่เคยเป็นที่ยอมรับของกลุ่มสาวในอดีตว่ามันสวยงามเป็นอย่างมาก

1. ขนคิ้วหลายสี

ถึงแม้ว่าขนคิ้วจะเป็นเพียงแค่พื้นที่เล็ก ๆ บนในหน้า แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงในอดีตหลายคนต่างให้ความสำคัญ  ยกตัวอย่างเช่น ในสมัยของกรีซโบราณหากหญิงสาวคนไหนไม่มีขนคิ้วก็ต้องไปหาซื้อขนแพะมาติดเพื่อเป็นการเสริมความงาม และผู้หญิงจีนในยุคกลางในช่วงศตวรรษที่ 2 ก็จะเน้นการทำสีที่ขนคิ้ว โดยหนึ่งในนั้นที่ถูกพูดถึงมากก็คือนางสนมของจักรพรรดิคนหนึ่งที่ถูกสั่งให้ทำคิ้วเป็นสีเขียว หญิงสาวต้องยอมโกนคิ้วของตัวเองและเขียนคิ้วใหม่ด้วยหมึกที่ราคาแพงมาก นอกจากมันจะแสดงให้เห็นถึงการมีอำนาจแล้ว ยังรวมไปถึงการแสดงให้ถึงความร่ำรวยอีกด้วย

2. หน้าผากสูง (กว้าง) 

ในตอนปลายของศตวรรษที่ 14 ราชินี Isabeau แห่งบาวาเรีย ตามที่นักประวัติศาสตร์บันทึกไว้เกี่ยวกับความงามในยุคนั้นว่าจะนิยมทำหน้าผากสูงและคอยาวที่ผอมบาง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความงามผู้หญิง โดยผู้หญิงในยุคนั้นจะโกนผมที่หน้าผากขึ้นไปเกินครึ่งของศรีษะ สำหรับบางคนจะถอนขนคิ้วและขนตาเพื่อให้หน้าผากดูเหลี้ยงเกลามากที่สุด

3. การไว้เล็บยาว 

ในอดีตหญิงสาวในบางประเทศจะไว้เล็บยาวเพื่อเป็นการบ่งบอกถึงฐานะของตัวเองว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย เพราะที่บ้านมีคนรับใช้อยู่เป็นจำนวนมาก จนกระทั้งในยุคสมัยราชวงศ์ชิงแฟชั่นเช่นนี้ขึ้นถึงขีดสุด โดยผู้ที่ไว้เล็บยาวส่วนใหญ่จะไว้เฉพาะนิ้วนางหรือนิ้วก้อยเท่านั้น เพราะมันยากต่อการดูแลและการใช้ชีวิตประจำวัน แต่พวกเขาจะใส่เครื่องป้องกันที่ทำจากเหล็กที่ออกแบบเป็นพิเศษสวมเล็บเอาไว้เพื่อป้องกันเล็บหัก

4. ผิวสีซีด

ประเทศอังกฤษในศตวรรษที่ 18 ผู้หญิงยุคนั้นจะนิยมทำผิวของตัวเองให้ขาวซีดมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พวกเขาจะพยายามหาวิธีในการทำให้ผิวขาวซีด เช่น การใช้มูลสัตว์แห้ง หรือที่อันตรายไปกว่านั้นก็คือการใช้ตะกั่วในการทาผิวและใบหน้า โดยที่จุดที่เสี่ยงอันตรายที่สุดจะอยู่ที่ริมฝีปากและแก้ม พวกเขาต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ผู้หญิงจะใช้ดินสอสีน้ำเงินเพื่อสร้างแรงเงาบนใบหน้าเพื่อเน้นความขาว

5. ฟันสีขาว 

ผู้คนที่อาศัยอยู่ในยุคจอร์เจียนไม่เพียง แต่ทำให้ผิวขาวซีด แต่ยังเน้นทำให้ฟันมีสีขาวอีกด้วย พวกเขาจะใช้ผงที่มีส่วนผสมกรดซัลฟูริกในการกัดสีฟัน แน่นอนว่าการใช้วิธีนี้จะทำให้สารเคลือบฟันถูกทำลายไปด้วย แต่สำหรับคนรวยจะให้ทันตแพทย์ทำฟันปลอมให้จากผู้ที่มาบริจาค

6. การย้อมผมสีอ่อน 

ในศตวรรษที่ 15 ผู้หญิงยุคนั้นจะนิยมการย้อมสีผมให้ดูบางเบา แต่มันจะมีขั้นตอนที่ไม่เหมือนกับในปัจจุบัน จากข้อมูลในตำราที่เป็นลายลักษณ์อักษรได้ระบุขั้นตอนการทำสีผมว่ามี 2 ขั้นตอนหลักคือ หลังจากที่เอาสีย้อมผมมาทาให้ทั่วศรีษะแล้วหลังจากนั้นก็จะถูกห่อด้วยใบไม้เป็นเวลา 2 วันก่อนที่จะแกะออก จากนั้นส่วนผสมจะถูกชะล้างออกและอีกส่วนผสมหนึ่งจะถูกนำไปใช้กับผมอีก 4 วัน

7. เอวบาง 

เดอะ คอร์ซิท (The Corset) เป็นเสื้อรัดลำตัวสตรี, เสื้อยกทรงรัดรูปของสตรี และชุดชั้นในผู้หญิงที่สวมเพื่อให้สะโพกและหน้าอกเข้ารูปทรง นิยมในช่วงทศวรรษที่ 15 หรือ16 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงระหว่างการครองราชย์ของแคทเธอรีน เดอ เมดีชี โดยในสมัยนั้นผู้หญิงสามารถทำเอวให้เล็กเหลือเพียงแค่ 10 นิ้วเท่านั้น แต่ความงามแบบนี้มันมีผลกระทบที่ร้ายแรงต่ออวัยวะภายใน

เป็นอย่างไรบ้างกับความงามของผู้หญิงในอดีต ถ้าในปัจจุบันเราอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องแลกมาด้วยความพยายามเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องเข้าใจว่าแต่ละยุคสมัยทุกอย่างมันก็ต้องแตกต่างกันไป

ขอบคุณที่มา brightside | เรียบเรียงโดย เบาสมอง